วันนี้ได้คุยกับคุณภรรยา เรื่องธรรมะที่ทำให้เป็นที่รักใคร่ของคนรอบข้าง
ก็นึงถึงเรื่อง สังคหวัตถุ4 ขึ้นมาครับ … จริงๆแล้วก็มีธรรมะหลายหมวดนะ แต่ผมชอบหมวดนี้ เลยเอามาเล่าให้ฟังกันครับ
……………………………………………………….
[186] สังคหวัตถุ 4 (ธรรมเครื่องยึดเหนี่ยว คือยึดเหนี่ยวใจบุคคล และประสานหมู่ชนไว้ในสามัคคี, หลักการสงเคราะห์ – bases of sympathy; acts of doing favors; principles of service; virtues making for group integration and leadership)
- ทาน (การให้ คือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เสียสละ แบ่งปัน ช่วยเหลือกันด้วยสิ่งของตลอดถึงให้ความรู้และแนะนำสั่งสอน)
- ปิยวาจา หรือ เปยยวัชชะ (วาจาเป็นที่รัก วาจาดูดดื่มน้ำใจ หรือวาจาซาบซึ้งใจ คือกล่าวคำสุภาพไพเราะอ่อนหวานสมานสามัคคี ให้เกิดไมตรีและความรักใคร่นับถือ ตลอดถึงคำแสดงประโยชน์ประกอบด้วยเหตุผลเป็นหลักฐานจูงใจให้นิยมยอมตาม)
- อัตถจริยา (การประพฤติประโยชน์ คือ ขวนขวายช่วยเหลือกิจการ บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ตลอดถึงช่วยแก้ไขปรับปรุงส่งเสริมในทางจริยธรรม)
- สมานัตตตา (ความมีตนเสมอ** คือ ทำตนเสมอด้วยปลาย ปฏิบัติสม่ำเสมอกันในชนทั้งหลาย และเสมอในสุขทุกข์โดยร่วมรับรู้ร่วมแก้ไข ตลอดถึงวางตนเหมาะแก่ฐานะ ภาวะ บุคคล เหตุการณ์และสิ่งแวดล้อม ถูกต้องตามธรรมในแต่ละกรณี)
……………………………………………………….
ในบรรดาสาวกของพระพุทธเจ้า มีท่านนึงครับ นามว่า หัตถกอาฬวกกุมาร
ท่าน หัตถกอาฬวกกุมาร นี้พระพุทธเจ้าทรงยกย่องมาก ให้ถึงเป็นตำแหน่งเอตทัคคะเป็นผู้เลิศกว่าอุบาสิกาทั้งหลาย ในฝ่าย ผู้สงเคราะห์บริษัทด้วยสัคหวัตถุ 4
ท่านนั้น ไม่ว่าจะไปที่ใด ก็จะมีอุบาสกที่เป็นอริยบุคคลคอยติดตามแวดล้อมอยู่ตลอดถึง 500 คน ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ได้เคยตรัสถามว่า “มีหลักสงเคราะห์บริษัทบริวารอย่างไร ?”
ท่าน หัตถกอาฬวกกุมาร ได้กราบทูลว่า
“ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์สงเคราะห์ด้วยสังคหวัตถุ ๔ ประการ คือ
- ทาน ถ้าเขายินดีด้วยการให้ข้าพระองค์ก็สงเคราะห์ด้วยการให้
- ปิยวาจา ถ้าเขายินดีด้วยการพูดจาไพเราะน่ารักข้าพระองค์ก็สงเคราะห์ด้วยวาจาไพเราะน่ารัก
- อัตถจริยา ถ้าเขายินดีด้วยการให้ทำกิจที่เกิดขึ้นจนสำเร็จข้าพระองค์ก็สงเคราะห์ด้วยการช่วยทำกิจที่เกิดขึ้นจนสำเร็จ
- สมานัตตตา ถ้าเขายินดีด้วยการวางตนเสมอกัน ข้าพระองค์ก็สงเคราะห์ด้วยการด้วยการวางตนเสมอกัน
ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ได้ทรงอนุโมทนาในการสงเคราะห์บริษัทบริวารท่าน หัตถกอาฬวกกุมาร
ประวัติท่าน หัตถกอาฬวกกุมาร นี่สนุกมาครับ … ท่านได้นามนี้เพราะว่า ท่านเป็นกุมาร(เด็ก) ยักษ์ชื่อ อาฬวกะ ถวายแด่พระพระพุทธเจ้า … แต่ก่อนจะถวาย ก็สู้กับพระพุทธเจ้าชนิดมันส์หยดติ๋งเลยครับ