RSS

การเล่นหุ้นผิดศีลมั้ย?

20 Jan

วันก่อน ได้อีเมลล์มาจากเพื่อนคนนึงครับ ว่า เล่นหุ้นผิดศีลมั้ย?

เป็นคำถามที่น่าสนใจดีนะครับ คำถามนี้ต้องพิจารณาเป็น 2 ส่วนคือ
1 เล่นหุ้นเป็นการพนันมั้ย?
2 การพนันผิดศีลมั้ย?

มองแบบนี้อาจจะพอให้เราคิด ทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น

***************************************************

1. เล่นหุ้นเป็นการพนันมั้ย?

สำหรับผม ผมถือว่า การเล่นหุ้นเป็นการลงทุนครับ … คนที่บอกว่าหุ้นเป็นการพนัน คงพูดแซวเล่นๆหรือเปรียบเปรยมากกว่า ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงเป็นคนเล่นหุ้นสไตล์ซื้อหุ้นมาขายไปตามข่าวต่างๆ ไม่มีหลักในการลงทุน

การพนัน เวลาลงเงินแล้วจะมีอัตราได้เสียชัดเจน เวลาเสียก็เสียเงินทั้งหมด แต่ หุ้นไม่มีอัตราได้เสียชัดเจน คนสองคนซื้อหุ้นตัวเดียวกัน พร้อมๆกัน ก็อาจทำกำไรได้ไม่เท่ากัน หุ้นสามารถ Stop Lossได้ เสียเงินแต่ละครั้งไม่ได้เสียหมดตัวเหมือนพนััน

นั่นก็คือว่าตามหลักการแล้ว หุ้นคือการลงทุน ไม่ใช่การพนัน ดังนั้น เราคงไม่น่าจะต้องกังวลว่า การเล่นหุ้นจะเป็นการทำผิดอะไรมั้ย

แต่นี้ก็แค่มุมมองของผมนะครับ  บางคนอาจจะมีสไตล์การเล่นหุ้นแบบที่เหมือนเป็นการพนันจริงๆก็ได้  ^ ^”


***************************************************

2. การพนันผิดศีลมั้ย?

การพนันผิดศีลมั้ย อันนี้ตอบได้ทันทีครับว่า การพนันไม่ได้อยู่ในศีล 5 แต่การพนันนั้นไปอยู่ใน อบายมุข 6

อบายมุข 6 แปลว่า ทางแห่งความเสื่อม คือ ทำนิดหน่อย อาจจะไม่เป็นไร อาจจะดูไม่เสียหาย แต่ทำมากๆจนถึงขั้นติดหลงงมงายแล้ว ก็จะเกิดความเสียหายให้กับทรัพย์สินและชีวิตได้  ซึ่งต่างจากศีล5 นิดเดียวตรงที่ ถ้าเราผิดศีล5แล้วผิดเลย

ซึ่งจริงๆแล้วการหลงในอบายมุข 6 จนถงขั้นขาดสติ ก็จะนำไปสู่การผิดศีล 5 ได้โดยง่ายครับ
อบายมุข 6 ประกอบไปด้วย
  1. ดื่มน้ำเมา
  2. เที่ยวกลางคืน
  3. เที่ยวดูการละเล่น
  4. เล่นการพนัน
  5. คบคนชั่วเป็นมิตร
  6. เกียจคร้านการทำงาน
(มีข้อสังเกตุว่า กินเหล้าอยู่ทั้งในศีล5 และ อบายมุข6)

เราคงจะพอเห็นแล้วว่า ถึงแม้ว่าการเล่นหุ้นจะเป็นการพนันจริงๆ การผิดก็ยังไม่ถึงระดับผิดศีล 5 ครับ…. ขอเพียงแต่เล่นอย่างมีสติ เล่นให้เป็นการลงทุน อย่าไปขโมยเงินใครมาเล่นหุ้นก็พอ ^___^

ถึงอย่างไรก็ดีครับ แม้ว่า การพนันจะไม่ได้ผิดศีล5 แบบตรงๆ แต่การพนันก็ไม่ใช่สิ่งที่แนะนำให้ทุกคนเล่นอยู่ดีนะครับ เพราะยังไงการพนันก็คือ อบายมุข !!!!!!


ที่มาของรูปครับ http://learners.in.th/blog/kuson/293636



***************************************************
เรื่องเสริม

ขยายความอบายมุข 6
  • ติดสุราและของมึนเมา มีโทษ 6 อย่าง คือ
  1. ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง
  2. ก่อการทะเลาะวิวาท
  3. เป็นบ่อเกิดแห่งโรค
  4. เป็นเหตุเสียชื่อเสียง
  5. เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย
  6. ทอนกำลังปัญญา
  • ชอบเที่ยวกลางคืน มีโทษ 6 อย่าง คือ
  1. ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาตัว
  2. ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาบุตรภรรยา
  3. ผู้นั้นชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์สมบัติ
  4. ผู้นั้นเป็นที่ระแวงของคนอื่น
  5. คำพูดอันไม่เป็นจริงในที่นั้นๆ ย่อมปรากฏในผู้นั้น
  6. อันเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากแวดล้อม
  • ชอบเที่ยวดูการละเล่น มีโทษ โดยการงานเสื่อมเสียเพราะใจกังวลคอยคิดจ้อง กับเสียเวลาเมื่อไปดูสิ่งนั้นๆ ทั้ง 6 กรณี คือ
  1. รำที่ไหนไปที่นั่น
  2. ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น
  3. ดนตรีที่ไหนไปที่นั่น
  4. เสภาที่ไหนไปที่นั่น
  5. เพลงที่ไหนไปที่นั่น
  6. เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่น
  • ติดการพนัน มีโทษ 6 อย่าง คือ
  1. ผู้ชนะย่อมก่อเวร
  2. ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป
  3. ความเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน
  4. ถ้อยคำของคนเล่นการพนัน ซึ่งไปพูดในที่ประชุมฟังไม่ขึ้น
  5. ถูกมิตรอมาตย์หมิ่นประมาท
  6. ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย เพราะเห็นว่า ชายนักเลงเล่นการพนันไม่สามารถจะเลี้ยงภรรยา
  • คบคนชั่ว มีโทษ โดยนำให้กลายไปเป็นคนชั่วอย่างคนที่ตนคบทั้ง 6 ประเภท คือ
  1. นำให้เป็นนักเลงการพนัน
  2. นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้
  3. นำให้เป็นนักเลงเหล้า
  4. นำให้เป็นคนลวงผู้อื่นด้วยของปลอม
  5. นำให้เป็นคนโกงเขาซึ่งหน้า
  6. นำให้เป็นคนหัวไม้
  • เกียจคร้านการงาน มีโทษ โดยทำให้ยกเหตุต่างๆ เป็นข้ออ้างผัดเพี้ยนไม่ทำการงาน โภคะใหม่ก็ไม่เกิด โภคะที่มีอยู่ก็หมดสิ้นไป คือให้อ้างไปทั้ง 6 กรณี คือ
  1. หนาวนักแล้วไม่ทำการงาน
  2. ร้อนนักแล้วไม่ทำการงาน
  3. เย็นไปแล้วไม่ทำการงาน
  4. ยังเช้านักแล้วไม่ทำการงาน
  5. หิวนักแล้วไม่ทำการงาน
  6. อิ่มนักแล้วไม่ทำการงาน

อบายมุขทั้งหมดนี้หากประพฤติเข้าแล้วก็เป็นเหตุให้เกิดความฉิบหาย ให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ชีวิตร่างกายได้เหมือนกันทุกข้อ

ที่มาครับ http://th.wikipedia.org/wiki/อบายมุข

********************************************

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ผังโครงสร้าง “ศีล” …ฉบับพยายามทำให้ดูง่าย…

ศีล5เนี่ย … ขอกันได้ด้วยหรอ?

ผลโพล – คุณผิดศีลข้อไหนบ่อยที่สุด ?


 
12 Comments

Posted by on January 20, 2011 in ธรรมะ

 

Tags: , , , , , ,

12 responses to “การเล่นหุ้นผิดศีลมั้ย?

  1. Trang Suwannasilp

    January 20, 2011 at 10:23

    ผมยินดีมากนะครับ หากท่านใดมีข้อเสนอแนะ

     
  2. Krib

    January 20, 2011 at 10:29

    พี่ตรังแนะนำหุ้นตัวไหนบ้างครับ? 😛

    เรื่องอบายมุข กับศีล นี่คนสับสนกันเยอะอยู่ แล้วการไปหมกมุ่นในอบายมุขมันเรียกว่าบาปไหมครับพี่ หรือว่ามันเป็นแค่การงมงายกับสิ่งที่อันตราย แต่ไม่ถึงขั้นบาป โดยส่วนตัว ก็ค่อยๆลดอบายมุขลง แต่ก็ยังนับ(เอง)ว่ายังมีอีกหลายอันที่ยังทำอยู่ เช่น ดูทีวี ดูหนัง ฟังเพลง ไปดูละครในโรง คบคนพาล(ตรึมเลย ถ้าจะนับกันจริงๆก็หลายอยู่เหมือนกันครับ) ขี้เกียจทำงานนี่มีเรื่อยๆในเวลา
    งานและเวลาที่ต้องทำงานนอกเวลางานด้วย -_-“

     
  3. Trang Suwannasilp

    January 20, 2011 at 10:40

    ก๊อกถามดีแฮะ ว่า หมกมุ่นในอบายมุขจะบาปมั้ย …​ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ … แต่ถ้าหมกมุ่นจนผิดศีล5เนี่ย อันนี้บาปชัวร์ๆ

    ไปดูหนังเรื่อยๆตอนว่างๆ พี่คิดเองนะว่า คงไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นแฟนคลับที่หลงนักร้อง ขนาดต้องตามนักร้องไปทุกที่นั้นอ่ะ พี่ว่านี่ตะหากที่เริ่มเข้าข่ายอบายมุขแล้ว

    ถ้าหมกมุ่นในอบายมุขมากๆเนี่ย สิ่งแรกเลยที่เห็นเสียทรัพย์ เสียการเสียงาน เสียสุขภาพ ซึ่งพวกนี้ถ้าเสียไปมากๆเข้า จนเริ่มหน้ามึดขาดสติ ก็คงนำไปสู่การทำผิดศีล5 ได้แบบง่ายๆเลยหล่ะ

     
  4. เก๋

    January 20, 2011 at 10:54

    ผมเคยเล่นหุ้นแบบ day-trade แต่เล่นแบบเกินวงเงินที่มีจริง

    day-trade คือ ซื้อขายในวันเดียวกัน แล้วหักลบกลบนี้กันไปเลย จ่ายเฉพาะส่วนต่าง เช่น ถ้าราคาขายสูงกว่าราคาซื้อเขาก็โอนกำไรส่วนต่างมาให้เรา ในทางกลับกันถ้าขาดทุน เราก็โอนเฉพาะส่วนต่างไปให้เขา

    แต่ผมเล่นโดยซื้อขายในปริมาณมากกว่าเงินที่ตัวเองมีอยู่ในบัญชี (โดยปกติเขาจะเปิดวงเงินให้เกินอยู่แล้ว)

    ตัวอย่างเช่น เขาเปิดวงเงินให้เรา 500,000 บาท (แต่เรามีเงินในบัญชีจริงๆ แค่ 100,000 บาท)

    เวลาซื้อขายก็ซื้อตอนเช้า 500,000 บาทเลย แล้วรอราคาหุ้นขึ้นมานิดหน่อยก็ขายแล้ว รอสิบนาที ขายได้ 502,500 บาท กำไร 2,500 บาท หรือ 0.5% หรือรอขายช่วงบ่าย เป็นต้น

    เวลาจ่ายเงินก็ไม่ต้องหา 500,000 มาจ่าย แค่รอรับเงินที่บริษัทจะโอนมาให้เรา 2,500 เฉพาะส่วนต่างเท่านั้น

    เล่นแบบนี้มันเสียวมากครับ หุ้นขึ้นก็โอ แต่ถ้าหุ้นลงพรวดๆ ละก็ เราจะถือต่อข้ามวันไปขายพรุ่งนี้ หรือ เดือนหน้า ไม่ได้เพราะว่าเราไม่มีเงิน 500,000 บาทไปจ่ายเขา

    มีวิธีเดียวคือเราก็ต้องตัดใจขายขาดทุนไป เพราะจะจ่ายเฉพาะแค่ส่วนต่างเท่านั้น ขาดทุนเป็นหมื่นก็ต้องยอม

    ตอนนั้นวันๆ ไม่ต้องทำอะไร ใจฟุ้งซ่าน จ้องแต่หน้าจอ ถ้าหุ้นตกขึ้นมาละก็จะทำยังไง ขึ้นไปเท่านี้จะขายดีไหม หรือถือต่อเอากำไรดี

    สุดท้ายผมก็เลิกเล่นหุ้นแบบนี้ กำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง แต่โดยรวมขาดทุน แต่เล่นแล้วฟุ้งซ่านมากๆ

    สำหรับผม ถ้าเล่นแบบนี้มันคือการพนันนั้นเอง

    ทีสำคัญ มีคนเล่นแบบนี้อยู่ในตลาดหุ้นไม่ใช่น้อย ตลาดหุ้นจึงมีทั้งนักลงทุน, นักเก็งกำไร และนัก day-trade แบบผม ^^”

    มาแชร์ประสบการณ์นะครับ ^__^

     
  5. Trang Suwannasilp

    January 20, 2011 at 11:36

    เล่นหุ้นแบบที่คุณเก๋บอกมา มันก็คล้ายๆกับการพนันเหมือนกันแฮะ เล่นแบบนั้นเงินหมดเอาได้ง่ายๆเลย ดีแล้วครับที่เลิกเล่นแบบนั้น

    ตลาดหุ้นไทย คงอาจจะเป็นจริงเหมือนที่คุณเก๋บอก ว่าคนส่วนใหญ่เล่นเป็นการพนันมากว่าเล่นลงทุน … แย่นะเนี่ย ^ ^”

    …. หรือว่า ตลาดหุ้นไทย จะคือ บ่อนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ !!! อันนี้ขำๆนะครับ ^__^

     
  6. เก๋

    January 20, 2011 at 15:39

    ตลาดหุ้นหลายประเทศมีวิธีป้องกันการเล่นแบบนี้ เช่น ตั้งกฎว่าต่อให้ซื้อขายวันเดียวกันแต่ต้องชำระเงินค่าซื้อขายคนละวันกัน

    ซื้อเช้า 500,000 ต้องนำเงิน 500,000 ไปเข้าธนาคารก่อนอีกสองวันข้างนอก (today +2)

    ขายบ่าย 502,500 บริษัทจะโอนเงินจำนวน 502,500 กลับมาให้เราอีกสามวันข้างหน้า (today +3)

    สรุปคือ ไม่สามารถหักกลับลบหนี้ได้ คนซื้อต้องมีเงินโอนไปก่อนจริงๆ

    แต่ถ้าตลาดหุ้นไทยนำมาใช้ volume คงหายพรวดครับ (เลยไม่นำมาใช้เสียที คงจริงอย่างคุณตรังว่า คือมันเป็นบ่อนใหญ่ที่สุดของประเทศจริงๆ เพราะในตลาดหุ้นยังมีเจ้ามือ (ปั่น) เลยครับ ^__^”)

     
  7. เก๋

    January 20, 2011 at 15:46

    มาเล่าต่อว่า..

    ตอนแรกเล่นแบบ investor นี่แหละครับ แต่พอเราดูพฤติกรรมหุ้นบางตัวอยู่เรื่อยๆ ก็จะเห็นช่องทางทำกำไรแบบ day-trade เล็กๆ น้อยๆ ได้

    ตอนแรกก็เล่นตามวงเงิน พอเห็นว่าได้กำไรเล็กๆ น้อยๆ ก็คิดว่าถ้าเล่นมากกว่านี้ก็จะกำไรมากกว่านี้ พอขาดทุนก็คิดจะเอาขาดทุนมาโปะที่เสียไปอีก

    (เล่าไปเล่ามา นี่มันพฤติกรรมเหมือนเข้าบ่อนเป้ะๆ นี่มันพนันนี่หว่า)

    ยังดีทนจิตฟุ้งซ่านไม่ไหว เลิกดีกว่า ไม่งั้นป่านนี้คงหมกมุ่นเรื่องหุ้นด้วยความเมามันต่อไป ^^”

     
  8. ภูมิ

    January 21, 2011 at 21:44

    อนุโมทนากับธรรมทานครับตรัง _/|\_

    คำถามคล้ายๆ กันนี้เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนมีคนตั้งกระทู้ถามในกระดานสนทนาแห่งหนึ่งและได้มีโอกาสไปตอบด้วยทัศนะของตัวเอง คือ เขาถามว่า “เล่นหุ้นบาปไหม?”

    ส่วนตัวเห็นว่าตามความเข้าใจของคนทั่วไป ทำอะไรที่ผิดศีลถือเป็นบาป แต่การทำสิ่งที่ไม่ผิดศีลบางคนเข้าใจว่าไม่บาป บางคนลังเลว่าอาจจะบาปหรือไม่บาปก็ได้แต่ไม่แน่ใจว่าจะอาศัยเกณฑ์อะไรวัดหรือตัดสิน บางคนเฝ้าถามหาคำตอบว่าทำอย่างนั้นอย่างนี้บาปไหม เพราะกลัวในผลของการกระทำอย่างนั้นๆ เพราะมองว่าทำบาปต้องตกนรก อะไรที่ใครว่าบาปก็จะไม่ทำเพราะกลัวจะต้องตกนรก เป็นต้น

    อยากชวนให้ัพิจารณาความหมายของบาปอกุศล ที่เป็นเครื่องเศร้าหมอง เป็นสิ่งตรงข้ามกับบุญกุศลอันเป็นเครื่องชำระจิตใจให้ผ่องใส บาป-บุญ ที่คนส่วนใหญ่นึกถึงกันนั้นคือการละเมิดศีลซึ่งเป็นขั้นของ กายทุจริต วจีทุจริต คือ การไปเบียดเบียนผู้อื่น แต่ทว่า บาป-บุุญ ยังมีระดับของกรรมทางใจหรือมโนกรรม และอันที่จริงก็เป็นต้นทาง เป็นรากเหง้า เป็นตัวกำหนด กรรมอื่นๆ ทางกายและวาจาด้วย

    การทำอะไรก็ตามโดยความครอบงำของ โลภะ โทสะ โมหะ อันเป็นอกุศลมูล ย่อมพิจารณาได้ว่าทำด้วยใจที่เป็นบาปอกุศลโดยพื้นฐาน ตรงกันข้ามการทำอะไรด้วย ใจเกื้อกูลเผื่อแผ่ ด้วยเมตตา และปัญญา ย่อมพิจารณาได้ว่าเป็นกรรมฝ่ายกุศล

    หากอาศัยเกณฑ์อย่างนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเล่นหุ้นหรือการทำอะไรๆ ในชีวิต เราน่าจะพิจารณาในเื้บื้องต้นด้วยตนเองได้ว่าส่อเค้าจะเป็นบาปหรือเป็นบุญ คน 2 คนที่มีวิธีหาเลี้ยงชีพคล้ายๆ กันก็อาจอยู่บนเส้นทางของการสร้างบาปหรือสร้างบุญก็ได้ (แม้จะไม่ได้ล่วงศีล 5 หรือข้องแวะในอบายมุข 6 โดยตรง) ขึ้นกับว่าใจของเขามีปกติครอบงำด้วยอกุศลมูล หรือขัดเกลาด้วยกุศลมูลครับ

    ผมมีความเห็นว่าถ้าเราเข้าใจหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว จะตระหนักโดยง่ายว่าศีลมีเพียง 5 ข้อเป็นเครื่องอบรมกายวาจาก็ครอบคลุมในชั้นต้นแล้ว สิ่งสำคัญอยู่ที่การอบรมจิตให้พ้นจากความครอบงำของอกุศล เพราะหากทำได้เช่นนี้ย่อมมีหลักที่มั่นคงให้ตนเจริญในบุญและห่างไกลจากบาปครับ แต่ถ้ายังเข้าไม่ถึงชั้นของการอบรมจิตแล้ว ต่อให้ค้นคว้าหาคำตอบเท่าไหร่ก็จะยังรู้สึกเคว้งๆ ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้ที่ต้องเจอต้องทำในชีวิตนั้นเราควรวางตัววางใจอย่างไร ควรทำหรือไม่ควรทำ ฯลฯ

    ==========================
    [67] กุศลมูล 3 (รากเหง้าของกุศล, ต้นตอของความดี — whole some roots; roots of good actions)
    1. อโลภะ (ความไม่โลภ, ธรรมที่เป็นปฏิปักษ์กับโลภะ, ความคิดเผื่อแผ่, จาคะ — non-greed; generosity)
    2. อโทสะ (ความไม่คิดประทุษร้าย, ธรรมที่เป็นปฏิปักษ์กับโทสะ, เมตตา — non-hatred; love)
    3. อโมหะ (ความไม่หลง, ธรรมที่เป็นปฏิปักษ์กับความหลง, ปัญญา — non-delusion; wisdom)

    D.III.275. ที.ปา. 11/394/292.

     
  9. Trang Suwannasilp

    January 21, 2011 at 22:06

    อนุโมทนาด้วยนะภูมิ _/|\_

    ภูมิตอบได้คมคายมาก ชอบๆๆ อ่านที่ภูมิเขียนแล้วเปิดมุมมองได้เยอะเลย ^ ^

     
  10. jone

    January 24, 2011 at 17:23

    พึ่งเข้ามาอ่าน อนุโมทนาบุญกับเพื่อนตรังและภูมิด้วย
    คำถามนี้เป็นคำถามของเราเอง ซึ่งรู้สึกไม่ค่อยสบายใจไม่รู้จะพึ่งใครเลยถามตรังไป
    ต้นตอของความไม่สบายใจอาจจะเป็นสภาพความเป็นจริงของตลาดหลัีกทรัพย์วันนี้กระมัง 55 แดงกระจาย

    อ่านของตรังแล้วเข้าใจง่ายดี ชัดเป๊ๆว่าผิดหรือไม่ผิด แต่พออ่านของปูมก็กลับทำให้นึกย้อนถึงตัวเองไปอีกขั้นว่าที่เราทำำนั้นมีกุศล หรืออกุศลแฝงอยู่ในจิตหรือไม่

    วันก่อนได้ไปฟังพระครูสุกิจหลวงพ่อแถวบ้านเทศน์มา ท่านก็แจกแจงให้ฟังว่า นรกหรือสวรรค์ในทางพระทุทธศาสนานั้นเกิดขึ้นตลอดเวลา เกิดในใจเรา เมื่อใจที่ใจเราเป็นกุศล เราก็ได้ขึ้นสวรรค์แล้ว เมื่อใดใจเศร้าหมอง คิดเป็นอกุศล เราก็ลงนรก คล้ายๆกับท่านจะบอกว่านรกและสวรรค์ในทางพระพุทธศาสนานั้นไม่มี ถ้ามีคงมีแค่อบายภูมิและสุคติภูมิที่จะนำพาเราไปเกิดตามดวงจิต มีคุณป้าท่านหนึ่งถามว่าถ้าลูกบวชเป็นพระแล้ว พระนั้นกราบแม่นั้นผิดไหม ท่านตอบว่า ถ้าไม่ยึดติดในสิ่งสมมติว่าเป็นพระสมมติขึ้นมาแล้ว การกราบพ่อแม่ก็เหมือนกราบพระอรหันต์เพราะพ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูกนั่นเอง

     
  11. Trang Suwannasilp

    January 24, 2011 at 19:50

    อนุโมทนากับโจนด้วยนะ
    คำสอนของพระครูที่เล่ามาให้ฟังเนี่ย ชัดเจน มากเรื่องพระกราบพ่อแม่

    เดี๋ยววันใหนไปวัด จะโทรไปชวนนะ ^ ^

     
  12. Anonymous

    October 6, 2023 at 08:55

    ศีลอยู่ที่เจตนา…ได้คิดทุจริตหรือเปล่า

     

Leave a comment