[ภาพที่ ๒๓] ทรงลอยถาด ถาดจมลงไปกระทบกับถาดเดิม ๓ ใบ พญานาคก็รู้ว่า พระพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้
เมื่อนางสุชาดากลับไปบ้านแล้ว พระมหาบุรุษเสด็จลุกขึ้นจากอาสนะ ทรงถือถาดทองข้าวมธุปายาส เสด็จไปยังริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เสด็จลงสรงน้ำ แล้วเสด็จขึ้นมาประทับนั่งริมฝั่ง ทรงปั้นข้าวมธุปายาสออกเป็นปั้น รวมได้ ๔๙ ปั้น แล้วเสวยจนหมด ปฐมสมโพธิว่า
” เป็นอาหารที่คุ้มไปได้ ๗ วัน ๗ หน ” เสร็จแล้วทรงลอยถาด และทรงอธิษฐานว่าถ้าจะได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ขอให้ถาดจงลอยทวนกระแสน้ำ เมื่อทรงปล่อยพระหัตถ์ ถาดนั้นก็ล่องลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไปไกลถึง ๘๐ ศอก ไปจนถึงวังน้ำวนแห่งหนึ่ง
ถาดนั้นจึงจมดิ่งหายลงไปจนถึงพิภพของกาฬนาคราช กระทบกับถาดสามใบของพระพุทธเจ้าในอดีตสามพระองค์เสียงดังกริ๊ก พระพุทธเจ้าในอดีตสามพระองค์นั้น คือ พระกกุสันธะ พระโกนาคมน์ และ พระกัสสปะ พระมหาบุรุษกำลังจะเป็น องค์ที่ ๔
กาฬนาคราช หลับมาตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าในอดีต จะตื่นทุกครั้งที่ได้ยินเสียงถาด พอได้ยินก็รู้ได้ว่า พระพุทธเจ้าองค์ใหม่เกิดในโลกแล้ว คราวนี้ก็เหมือนกัน เมื่อได้ยินเสียงถาดของพระมหาบุรุษ ก็งัวเงียแล้วงึมงัมว่า “เมื่อวานนี้พระชินสีห์ (หมายถึง พระกัสสปพุทธเจ้า) อุบัติในโลกพระองค์หนึ่ง แล้วซ้ำบังเกิดอีกพระองค์หนึ่งเล่า ” ลุกขึ้นมาไหว้พระพุทธเจ้าเกิดใหม่ แล้วก็หลับต่อไปอีก
ความที่กล่าวมาถึงตอนพระมหาบุรุษทรงลอยถาด แล้าถาดลอยทวนกระแสน้ำจนถึง กาฬนาคราชใต้บาดาลได้ยินเสียงตกลงมานั้น ท่านพรรณนาเป็นปุคคลาธิษฐาน ถ้าถอดความเป็นธรรมาธิษฐาน ก็ได้ความอย่างนี้ คือ ถาดนั้น คือ พระศาสนาของพระพุทธเจ้า แม่น้ำคือโลก หรือ คนในโลก คำสั่งสอนหรือพระศาสนาของพระพุทธเจ้า พาคนไหลทวนกระแสโลก ไปสู่กระแสนิพพาน คือ ความพ้นทุกข์ที่ไม่มีเกิด แก่ เจ็บ และตาย
พญานาคใต้บาดาลผู้หลับใหล คือ สัตว์โลกที่หนาแน่นด้วยกิเลส เมื่อพระพุทธเจ้าทรงอุบัติบังเกิดขึ้นมาในโลกก็รู้ว่าเป็นพระพุทธเจ้า รู้แล้วก็หลับใหลไปด้วยอำนาจแห่งกิเลสต่อไปอีก